พระพุทธนรสีห์

ปาง
ปางมารวิชัย นั่งสมาธิราบ
ลักษณะ
พระพุทธนรสีห์ เป็นพระพุทธรูปสำคัญองค์หนึ่งของสยาม นับเป็น 1 ใน 3 พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของไทย ปัจจุบันประดิษฐานอยู่บนชั้น 3 ของ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ซึ่งเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์ และจำลองไว้ที่วิหารสมเด็จ สผ.
ประวัติ
พระพุทธนรสีห์
กลางบรรยากาศแห่งสยามประเทศในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 บ้านเมืองกำลังเผชิญแรงกดดันจากมหาอำนาจตะวันตก และในขณะเดียวกันก็เป็นยุคแห่งการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ ทั้งด้านการปกครอง เศรษฐกิจ และศิลปวัฒนธรรม หนึ่งในเรื่องราวทางศิลปกรรมที่ซ่อนอยู่ในประวัติศาสตร์ คือการอัญเชิญพระพุทธรูปโบราณองค์หนึ่งจากล้านนา มาสู่พระนคร และได้รับพระราชทานนามว่า “พระพุทธนรสีห์”
การค้นพบพระพุทธรูปเชียงแสน
ปี พ.ศ. 2441 สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ในฐานะเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย เสด็จตรวจราชการมณฑลพายัพ เส้นทางที่ยาวนานและยากลำบากกว่าหนึ่งเดือน นำพระองค์ไปถึงเมืองเชียงใหม่ ที่นั่นเอง พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสน ปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร งดงามสะดุดตา ประดิษฐานในพระวิหารหลวงวัดพระสิงห์ พระพุทธรูปองค์นี้มีขนาดพอเหมาะ หน้าตักราวหนึ่งศอกเศษ ฝีมือช่างประณีต สมส่วนและสง่างาม จนกรมพระยาดำรงฯ กราบทูลขอต่อเจ้าอินทรวโรรสสุริยวงศ์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ให้อัญเชิญลงมากรุงเทพฯ เพื่อประดิษฐานไว้ในท้องพระโรงวัง
พระราชดำริแห่งพระพุทธเจ้าหลวง
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริสร้าง วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม พระองค์ทรงตั้งพระราชประสงค์ที่จะรวบรวมพระพุทธรูปสำคัญและงดงามจากทั่วพระราชอาณาจักร มาประดิษฐานในพระอารามใหม่แห่งนี้ เพื่อเป็นเสมือนพิพิธภัณฑ์ศิลปะพระพุทธรูปโบราณของชาติ
เมื่อสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพกราบทูลถึงพระพุทธรูปที่ได้จากเชียงใหม่ พระพุทธเจ้าหลวงเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตร และมีพระราชดำรัสว่า
“พระองค์นี้งาม แปลกจริงๆ”
แล้วโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญขึ้นสู่พลับพลาในพระราชวังดุสิต พร้อมพระราชทานนามว่า “พระพุทธนรสีห์”
พระประธานวัดเบญจมบพิตร
ในช่วงแรก เมื่อพระอุโบสถชั่วคราวของวัดเบญจมบพิตรสร้างเสร็จ พระพุทธนรสีห์ได้รับอัญเชิญไปประดิษฐานเป็นพระประธาน พระองค์ทรงมีพระราชดำริว่า
“พระพุทธนรสีห์เป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงามยิ่ง จะหาเสมอเหมือนได้โดยยาก”
อย่างไรก็ตาม เมื่อพระอุโบสถใหญ่ของวัดเบญจมบพิตรสร้างเสร็จในเวลาต่อมา ได้โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญ พระพุทธชินราช ที่หล่อแบบจากพิษณุโลกมาเป็นพระประธานแทน
การหล่อจำลองและวิหารสมเด็จ
แม้พระพุทธนรสีห์องค์จริงจะถูกอัญเชิญไปประดิษฐานในพระราชวัง แต่เพื่อคงความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน พระองค์โปรดให้ หล่อจำลองพระพุทธนรสีห์ แล้วอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ วิหารสมเด็จ สผ. ในวัดเบญจมบพิตร พร้อมกับพระพุทธชินราชจำลอง และพระพุทธรูปโบราณจากหัวเมืองต่างๆ
วิหารสมเด็จจึงกลายเป็นเสมือน “หอศิลป์พระพุทธรูป” ที่รวบรวมพระพุทธปฏิมาอันทรงคุณค่าของสยาม ทั้งยังสะท้อนถึงพระปรีชาญาณด้านโบราณคดีและศิลปกรรมของรัชกาลที่ 5
จากวัดเบญจมบพิตรสู่วังดุสิต
หลังจากนั้น โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระพุทธนรสีห์องค์จริงเข้ามาประดิษฐานบนชั้น 3 ของ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เป็นพระพุทธรูปประจำพระราชฐานส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์ไทย และประดิษฐานอยู่ที่นั่นสืบมาจนปัจจุบัน
ความเชื่อและอภินิหาร
ตลอดเวลาที่ผ่านมามีผู้กล่าวขวัญว่า พระพุทธนรสีห์เป็นพระพุทธรูป “มีอภินิหาร” ผู้เกี่ยวข้องกับการอัญเชิญและการปฏิสังขรณ์พระองค์นี้ ต่างมีความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ราชการ ไม่ว่าจะเป็นสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระพุฒาจารย์ (มา) วัดจักรวรรดิราชาวาส หรือแม้แต่ช่างผู้ปฏิสังขรณ์
การอัญเชิญออกสู่สาธารณะครั้งแรกในรอบ 117 ปี
หลังจากประดิษฐานอยู่ในพระที่นั่งอัมพรสถานมาเนิ่นนานกว่า 117 ปี พระพุทธนรสีห์ได้รับการอัญเชิญออกสู่สาธารณะเป็นครั้งแรก ในพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลถวาย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระลานพระราชวังดุสิต พ.ศ. 2560 นับเป็นเหตุการณ์สำคัญที่พุทธศาสนิกชนได้มีโอกาสสักการะพระพุทธรูปสำคัญองค์นี้
บทสรุป
พระพุทธนรสีห์จึงมิใช่เพียงพระพุทธรูปโบราณ แต่เป็น สัญลักษณ์ทางศิลปะ ศรัทธา และอำนาจอธิปไตยของสยาม เรื่องราวของพระองค์เชื่อมโยงทั้งล้านนา กรุงรัตนโกสินทร์ และพระราชวังดุสิตอย่างแนบแน่น ขณะเดียวกัน การหล่อจำลองและประดิษฐานไว้ที่ วิหารสมเด็จ วัดเบญจมบพิตร ก็ทำให้ความงดงามและศรัทธาที่มีต่อพระพุทธนรสีห์ ยังคงเป็นสมบัติร่วมของพุทธศาสนิกชนสืบไป
การตีความทางสัญญลักษณ์
พระพุทธนรสีห์ : สัญลักษณ์แห่งพลัง ความงาม และการหลอมรวมของแผ่นดิน
๑. เชิงสัญลักษณ์ : พลังของสิงห์และอำนาจอธิปไตย
ชื่อ “นรสีห์” มาจาก นร = มนุษย์ และ สีห์ = สิงห์ ซึ่งเป็นสัตว์เจ้าป่า อันสื่อถึง พลังแห่งความองอาจ สง่างาม และความกล้าหาญ การที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานนามนี้ แสดงถึงพระราชประสงค์ให้พระพุทธรูปองค์นี้เป็น สัญลักษณ์ของความมั่นคงของแผ่นดิน ในยุคที่สยามกำลังต่อรองกับจักรวรรดินิยม
พระพุทธนรสีห์จึงไม่ใช่เพียงพระพุทธปฏิมา แต่คือ “พระพุทธรูปแห่งอธิปไตย” ที่รวมพลังศรัทธาและบารมีของพระพุทธเจ้า เข้ากับความกล้าหาญและความมั่นคงของชาติ
๒. เชิงประวัติศาสตร์ : การเชื่อมโยงล้านนา–กรุงเทพฯ
พระพุทธนรสีห์มีรากเหง้าอยู่ที่ เชียงใหม่ ศูนย์กลางล้านนาเก่าแก่ การที่สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพนำมาสู่กรุงเทพฯ เปรียบได้กับการ หลอมรวมมรดกทางศิลปะและจิตวิญญาณของท้องถิ่น เข้ากับพระราชอาณาจักรสยาม
การเคลื่อนย้ายครั้งนั้นสะท้อน การรวมแผ่นดินและเอกภาพทางวัฒนธรรม เพราะในยุคที่การเมืองโลกกดดัน สยามจำเป็นต้อง “รวมศูนย์” เพื่อรักษาเอกราช พระพุทธนรสีห์จึงเป็นเหมือน “พยานทางศิลปะ” ที่บอกเล่าเรื่องราวการก่อร่างสร้างชาติ
๓. เชิงความเป็นมา : พระพุทธรูปในวิหาร–ในวัง
การประดิษฐานที่ วัดพระสิงห์ คือการเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของเชียงใหม่ การอัญเชิญมายังกรุงเทพฯ แล้วประดิษฐานใน พระราชวังดุสิต คือการเป็นพระพุทธรูปประจำองค์พระมหากษัตริย์ การหล่อจำลองไว้ที่ วิหารสมเด็จ วัดเบญจมบพิตร คือการเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนทั่วไปได้สักการะ ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า พระพุทธนรสีห์คือ สะพานเชื่อมระหว่าง “พลังรัฐ” และ “พลังศรัทธา” ระหว่าง วัง และ วัด
๔. เชิงความงาม : ศิลปะที่งามด้วย “สมดุล”
พระพุทธนรสีห์เป็นพระพุทธรูปแบบ เชียงแสนสิงห์หนึ่ง ลักษณะเด่นคือ
-พระพักตร์กลมอิ่มเอิบ เรียบง่าย สงบเย็น
-พระขนงโก่งรับกับพระนาสิก โค้งดุจคันศร
-พระโอษฐ์ยิ้มเล็กน้อย (Smile of Serenity)
-พระวรกายสมส่วน สะท้อนอุดมคติแห่งความงามแบบโบราณ
ความงามนี้ต่างจากศิลปะอยุธยาที่เน้นความวิจิตร หรือศิลปะสุโขทัยที่เน้นความอ่อนช้อย พระพุทธนรสีห์งามด้วย ความหนักแน่น สงบ และมั่นคง สมกับชื่อ “นรสีห์” ผู้เปี่ยมพลัง
๕. เชิงพุทธศิลป์ : ปฏิมาแห่งศรัทธาและพลังภายใน
พระพุทธนรสีห์ประทับใน ปางมารวิชัย คือช่วงที่พระพุทธเจ้าทรงเอาชนะพญามารก่อนตรัสรู้ เป็นสัญลักษณ์ของ ชัยชนะเหนือกิเลสและอุปสรรคในมิติพุทธศิลป์ พระองค์จึงสื่อถึง
-ชัยชนะทางธรรม (ธรรมะเหนืออธรรม)
-ความมั่นคงทางใจ (สิงห์แห่งพลังภายใน)
-การปกป้องคุ้มครอง (เป็นศูนย์รวมความศรัทธาของบ้านเมือง)
๖. บทสรุป : พระพุทธนรสีห์คืออะไร?
-พระพุทธนรสีห์คือ พระพุทธรูปที่สะท้อนหลายมิติพร้อมกัน
-เป็น ศิลปะ เชียงแสนที่งามด้วยความมั่นคง
-เป็น สัญลักษณ์ทางการเมือง ของยุครัชกาลที่ 5
-เป็น รากทางวัฒนธรรม เชื่อมล้านนากับกรุงเทพฯ
-เป็น พุทธปฏิมา ที่สื่อถึงชัยชนะ ความกล้าหาญ และศรัทธา
หากมองในเชิงสัญลักษณ์ พระพุทธนรสีห์คือ “พระพุทธรูปนักรบ” ที่มิได้จับอาวุธ หากแต่เอาชนะด้วย พลังแห่งธรรมะ และเป็นพลังที่ทำให้สยามยืนหยัดผ่านวิกฤติการเมืองโลกในศตวรรษที่ 19 ได้อย่างงดงาม