ศาลาบัณณรศภาคและศาลาเบญจพิศภาค

วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร หรือที่เรียกโดยทั่วไปว่า “วัดเบญจมบพิตรฯ” เป็นพระอารามหลวงที่มีความงดงามทางสถาปัตยกรรมและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างยิ่ง ศาสนสถานและศาลาต่าง ๆ ภายในวัดล้วนมีประวัติความเป็นมาและบทบาทที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศาลาบัณณรศภาค และศาลาเบญจพิศภาค ซึ่งสะท้อนถึงพระราชศรัทธาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์
ศาลาบัณณรศภาค/ศาลาเบญจพิศภาค
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานนามศาลา
ศาลาโรงฉันว่า “ศาลาบัณณรศภาค”
ศาลาโรงงานว่า “ศาลาเบญจพิศภาค”
ตามประกาศ “การถวายศาลาวัดเบ็ญจมบพิตร์" ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 18 หน้า 677-678 ลงวันที่ 1 ธันวาคม ร.ศ.120 ได้ระบุว่า เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ร.ศ. 120 ในวโรกาสเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการบำเพ็ญพระราชกุศลถวายศาลา ๒ หลัง ซึ่งทรงให้เจ้าพนักงานก่อสร้างขึ้น ได้แก่ ศาลาโรงฉัน 1 หลัง และศาลาโรงงานอีก 1 หลังซึ่งตั้งอยู่ต่อเนื่องมาทางทิศใต้ โดยได้พระราชทานนามศาลาโรงฉันว่า “ศาลาบัณณรศภาค” และพระราชทานนามศาลาโรงงานว่า “ศาลาเบญจพิศภาค”
ในวันดังกล่าว เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินถึงศาลาบัณณรศภาคแล้ว ได้ทรงประเคนภัตตาหารแก่พระสงฆ์ จากนั้นทรงประกาศพระบรมราชูทิศศาลาทั้งสองหลังให้เป็นสังฆบริโภคสำหรับพระภิกษุและสามเณร เมื่อสิ้นสุดพระราชดำรัส พระสงฆ์และสามเณรได้เปล่งเสียงสาธุการ จากนั้นทรงถวายใบประกาศพระบรมราชูทิศฯ แด่พระธรรมไตรโลกาจารย์ จากนั้นพระสงฆ์และสามเณรถวายอนุโมทนา สมเด็จพระวันรัตนำถวายอดิเรกนำถวายอดิเรก ก่อนที่พระองค์จะเสด็จพระราชดำเนินไปยังพลับพลาเปรียญเพื่อบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินต่อไป
ใน "พระบรมราชโองการ ประกาศพระบรมราชูทิศที่สังฆบริโภค วัดเบ็ญจมบพิตร์" ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประกาศแก่พระภิกษุสงฆ์และสามเณรที่ได้มาประชุมพร้อมกัน ณ ศาลาบัณณรศภาค ในครั้งนั้น ทำให้ทราบถึงแหล่งที่มาของทุนทรัพย์ในการก่อสร้างศาลาทั้ง 2 หลัง ดังความตอนหนึ่งจากราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 18 หน้า 678 ลงวันที่ 1 ธันวาคม ร.ศ. 120 ว่า “…ศาลาโรงฉันนั้นสร้างด้วยทุนทรัพย์ของบุตร์ภรรยาแลญาติของข้าพเจ้า รวม 15 คน จึงให้นามว่า 'บัณณรสภาคศาลา' โรงงานแลที่เก็บของนั้นสร้างด้วยบุตร์ภรรยา แลญาติของข้าพเจ้า รวม 25 คน จึงให้นามว่า 'เบ็ญจพิศภาคศาลา'…”
นอกจากนี้แล้ว พระราชหัตถเลขาที่ทรงมีไปถึงพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสมมตอมรพันธุ์ ยังได้ระบุรายพระนามและสัดส่วนของผู้ร่วมสมทบทุน ดังนี้
ศาลาบัณณรศภาค มาจากพระราชโอรส พระราชธิดา เจ้าจอม และพระญาติในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รวมผู้สมทบทุน 15 คน ได้แก่
1. สายสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า 3 คน
2. สายพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนสุพรรณภาควดี 3 คน
3. สายพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ 3 คน
4. สายพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ 3 คน
5. สายพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุฑารัตนราชกุมารี 3 คน
ศาลาเบญจพิศภาค มาจากพระราชโอรส พระราชธิดา เจ้าจอม และพระญาติในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รวมผู้สมทบทุน 25 คน ได้แก่
1. สายพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรลักษณาวดี 2 คน
2. สายพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงปราจิณกิติบดี 2 คน
3. สายพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช 5 คน
4. สายพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภัทรายุวดี 3 คน
5. สายพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน 2 คน
6. สายพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอัพภันตรีปชา 3 คน
7. สายพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นสรรควิไสยนรบดี 2 คน
8. สายพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอุรุพงษ์รัชสมโภช 2 คน
9. สายพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศศิพงศ์ประไพ 2 คน
10. สายพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเหมวดี 2 คน
ศาลาบัณณรศภาค เป็นศาลาจัตุรมุขชั้นเดียว ผนังก่ออิฐถือปูน พื้นปูด้วยหินอ่อน ตั้งอยู่ติดกำแพงด้านทิศตะวันออกของวัด สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2443 ด้วยทุนทรัพย์ของพระราชโอรส พระราชธิดา เจ้าจอม และพระญาติในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รวมทั้งสิ้น 15 ราย จึงได้รับพระราชทานนามอันมีความหมายว่า “ศาลาที่มี 15 ส่วน” สิ้นค่าก่อสร้าง 16,487 บาท ในอดีต ศาลาหลังนี้ถูกใช้เป็นหอฉันสำหรับพระภิกษุสามเณร เป็นสถานที่จัดเลี้ยงพระราชทานในวโรกาสต่าง ๆ และเคยใช้เป็นสถานศึกษาพระปริยัติธรรม
ปัจจุบัน ศาลาบัณณรศภาคใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลต่าง ๆ และใช้เป็นสถานที่ตั้งศพบำเพ็ญกุศลของบุคคลสำคัญของประเทศหลายท่าน เช่น พลเรือเอก หม่อมเจ้าปุสาน สวัสดิวัตน์, ศาสตราจารย์พิเศษ ธานินทร์ กรัยวิเชียร และท่านผู้หญิงพันธุ์สวลี กิติยากร เป็นต้น นอกจากนี้ บริเวณมุขทิศตะวันออกของศาลายังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปโบราณสมัยเชียงแสน จำนวน 8 องค์ ซึ่งมีขนาดไม่เหมาะสมที่จะนำไปประดิษฐาน ณ ระเบียงพระอุโบสถ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ ณ ที่นี้
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิยายน พ.ศ. 2504 หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในขณะนั้นได้ประกาศให้ศาลาบัณณรศภาค เป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ วัดเบญจมบพิตร พร้อมกับระเบียงพระอุโบสถ และพระวิหารสมเด็จ ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง กำหนดสถานที่เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ดังปรากฎในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 78 ตอนที่ 94 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2504 หน้า 2348
ศาลาเบญจพิศภาคเป็นอาคารตึกชั้นเดียว ตั้งอยู่ระหว่างแนวกำแพงทิศตะวันออกและหมู่กุฏิสงฆ์ สร้างขึ้นด้วยทุนทรัพย์จากพระราชโอรส พระราชธิดา เจ้าจอม และพระญาติในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รวมทั้งสิ้น 25 ราย อันเป็นที่มาของนามพระราชทานซึ่งหมายถึง “ศาลาที่มี 25 ส่วน” ศาลาหลังนี้สร้างเสร็จและได้รับการถวายพร้อมกับศาลาบัณณรศภาคเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2444 สิ้นค่าก่อสร้าง 10,227 บาท พระราชประสงค์ดั้งเดิมในการสร้างศาลา คือ เพื่อใช้เป็นโรงเก็บของและโรงงานประจำวัด ปัจจุบัน ส่วนหนึ่งยังคงใช้เป็นที่เก็บของสำหรับคณะสงฆ์ และอีกส่วนได้รับการปรับปรุงให้เป็นที่พักอาศัยของพระภิกษุและสามเณร
ศาลาทั้งสองหลังจึงไม่เพียงแต่สะท้อนความงดงามทางสถาปัตยกรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นประจักษ์พยานถึงพลังแห่งความสามัคคีและพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ ที่ได้ร่วมกันสร้างถาวรวัตถุอันทรงคุณค่าเคียงคู่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามสืบมาจวบจนปัจจุบัน
ผู้สนใจสามารถใช้บริการราชกิจจานุเบกษา ฉบับพิมพ์ ได้ที่ห้องบริการหนังสือประเทศไทย ราชกิจจานุเบกษา และหนังสือนานาชาติ ชั้น 3 อาคาร 1 สำนักหอสมุดแห่งชาติ
เคดิตจาก : National Library of Thailand
บรรณานุกรม
"การถวายศาลาวัดเบ็ญจมบพิตร์." ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 18. (1 ธันวาคม 120): 677-678.
“ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง กำหนดสถานที่เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ.” ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ 78 ตอนที่ 94. (14 พฤศจิกายน 2504): 2348.
ประมวลเอกสารสำคัญเนื่องในการสถาปนา วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เล่ม 1. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง, 2538. (วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามพิมพ์โดยเสด็จพระราชกุศล งานพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สุวรรณ สุวณฺณโชโต ป.ธ.7) ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส 25 มีนาคม 2538).
ฝ่ายศึกษาสงเคราะห์ วัดเบญจมบพิตร. สถานที่น่าสนใจอื่น ๆ. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 15 กรกฎาคม 2568, จาก: https://www.oocities.org/watbencha/otherplace.htm
"พระบรมราชโองการ ประกาศพระบรมราชูทิศที่สังฆบริโภค วัดเบ็ญจมบพิตร์." ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 18. (1 ธันวาคม 120): 678.
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ วัดเบญจมบพิตร. ประวัติความเป็นมา. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 15 กรกฎาคม
2568, จาก: http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/.../th/about-us.html
เรียบเรียงโดย นายสุวิชา โพธิ์คำ บรรณารักษ์ชำนาญการ กลุ่มบริการทรัพยากรสารสนเทศ
กราฟิก นายชลิต ปรีชากุล นายช่างศิลปกรรม สำนักหอสมุดแห่งชาติ
#เรื่องเล่าจากราชกิจจานุเบกษา #หอสมุดแห่งชาติ #ศาลาบัณณรศภาค #ศาลาเบญพิศภาค #วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม