พระศากยสิงห์

พระศากยสิงห์

ปาง

เป็นพระพุทธปฏิมากร ปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร

ลักษณะ

เป็นพระพุทธปฏิมากร ปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร วัสดุสำริด ขนาดหน้าตักกว้าง 30 นิ้ว สูง 39 นิ้ว ศิลปะสมัยเชียงแสน

ประวัติ

     บางแห่งเขียน พระสักยสิงห์ เป็นพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสน ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้าง เดิมประดิษฐานอยู่ที่วิหารธาตุหลวงเมืองเชียงแสน เมื่อคราวที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดฯให้เสาะหาพระพุทธรูปมาประดิษฐานยังวัดเบญจมบพิตรฯ พระครูมงคลวิจิตร (เปี่ยม) วัดจักรวรรดิราชาวาส ซึ่งเป็นช่างหล่อพระฝีมือดีเป็นผู้ไปพบ จึงอัญเชิญมาทางเรือ ล่องตามแม่น้ำโขงเข้าแม่น้ำกกขึ้นบกที่เชียงรายแล้วหามข้ามเขามาพะเยา แล้วเดินทางต่อ จนถึงกรุงเทพฯในเดือนกรกฎาคม ปี ๒๔๔๓

   พระศากยสิงห์ เป็นพระพุทธปฏิมากร ปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร วัสดุสำริด ขนาดหน้าตักกว้าง 30 นิ้ว สูง 39 นิ้ว ศิลปะสมัยเชียงแสน กระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศเป็นพระพุทธรูปสำคัญ พ.ศ. 2520 มีพระพุทธลักษณะที่งดงาม ประดิษฐานเป็นองค์แรกที่พระระเบียงวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม
เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงสร้างวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ครั้งนั้นทรงมีพระราชดำริให้สร้างพระระเบียงเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป ฝีมือช่างยุคต่างๆ และได้โปรดให้สืบหาพระพุทธรูปโบราณตามหัวเมืองต่างๆ โดยมีหลักเกณฑ์ ดังนี้ ต้องมีความงดงามด้วยฝีมือช่าง พุทธลักษณะแตกต่างจากที่เคยปรากฏและมีขนาดไล่เลี่ยกับที่จัดแสดง

     ดังนั้น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ จึงได้อัญเชิญพระศากยสิงห์ หรือ สักยสิงห์ จากวิหารหลวงเมืองเชียงแสน ล่องแพตามลำน้ำโขงเข้ามาแม่น้ำกก ขึ้นบกที่เชียงราย แล้วหามเข้าภูเขามาลงที่เมืองพะเยา จึงอัญเชิญลงแม่น้ำยมออกแม่น้ำเจ้าพระยา ส่งลงมากรุงเทพฯ หากมีโอกาสได้มาเยี่ยมเยือนเดินชมวัดแห่งนี้ ลองเข้าไปกราบไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล  พระศากยสิงห์จัดเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะอันงดงามอยู่ในลำดับต้นๆของพระพุทธรูป ๕๒ องค์ในพระระเบียงวัดเบญจมบพิตร ดังความในพระนิพนธ์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ในหนังสือพระพุทธรูปสำคัญว่า
" ...พระสักยสิงห์เป็นพระพุทธรูปโบราณ เดิมอยู่เมืองเชียงแสน ครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ทรงสร้างวัดเบญจมบพิตร ทรงพระราชดำริให้สร้างพระระเบียง เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปฝีมือช่างต่างๆ จึงโปรดให้สืบหาพระพุทธรูปโบราณตามหัวเมืองได้พระพุทธรูปเชิญมาแต่หัวเมืองพายับหลายองค์ด้วยกัน พระองค์นี้ทรงพระราชดำริว่าลักษณะงามยิ่งพระองค์หนึ่ง จึงโปรดให้หล่อฐานเพิ่มขึ้นชั้นหนึ่ง ถวายพระนามว่า พระสักยสิงห์ ได้โปรดฯให้แห่ไปประดิษฐานไว้ที่วัดเบญจมพิตร มีงานสมโภชพร้อมกับพระพุทธนรสีหน้อยเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๓..."

การตีความทางสัญญลักษณ์


แกลเลอรีรูปภาพ